จุดกำเนิดของวัฒนธรรมชา

ประเพณีการดื่มชาของอังกฤษเริ่มต้นในศตวรรษที่ 17 เมื่อกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งโปรตุเกส ผู้นำวัฒนธรรมการดื่มชามาเผยแพร่ในราชสำนัก ต่อมาในปี 1662 ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ด แอนนา มาเรีย รัสเซลล์ ได้ริเริ่มประเพณี "อาฟเตอร์นูนที" หรือการดื่มชายามบ่าย เพื่อแก้หิวระหว่างมื้อกลางวันและมื้อเย็น จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายในสังคมชั้นสูง

พิธีการชงและดื่มชา

การชงชาแบบอังกฤษมีขั้นตอนที่พิถีพิถัน เริ่มจากการอุ่นกาน้ำชาด้วยน้ำร้อน ใส่ใบชาในอัตราส่วนหนึ่งช้อนชาต่อหนึ่งถ้วย บวกเพิ่มอีกหนึ่งช้อนชาสำหรับกา เทน้ำเดือดลงไปและต้องทิ้งไว้ให้ชาแช่น้ำพอดี ประมาณ 3-5 นาที ชาที่นิยมคือ English Breakfast Tea หรือ Earl Grey การเสิร์ฟต้องมีทั้งนม น้ำตาล และขนมหวานประกอบ เช่น สโคน แซนด์วิช และเค้กขนาดพอดีคำ

มารยาทการดื่มชา

มารยาทในการดื่มชาของอังกฤษมีความละเอียดอ่อน การจับถ้วยชาต้องจับที่หูถ้วยด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ โดยนิ้วกลางรองรับด้านล่าง ไม่ควรยกนิ้วก้อยขึ้น ช้อนชาใช้สำหรับคนชาและชิมรสชาติเท่านั้น เมื่อดื่มต้องวางช้อนไว้บนจานรอง การเติมนมมีสองแบบคือ เติมนมก่อนเทชา (Milk in First - MIF) หรือเทชาก่อนเติมนม (Tea in First - TIF) ซึ่งยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมอังกฤษจนถึงปัจจุบัน

อิทธิพลต่อสังคมร่วมสมัย

วัฒนธรรมการดื่มชาแบบอังกฤษได้แพร่หลายไปทั่วโลก โรงแรมและร้านอาหารหรูหลายแห่งเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีในแบบอังกฤษ การดื่มชากลายเป็นสัญลักษณ์ของการพักผ่อนและการสังสรรค์ในสังคม ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยขึ้น เช่น การใช้ชาออร์แกนิก การสร้างสรรค์เมนูขนมใหม่ๆ แต่ยังคงรักษาแก่นของวัฒนธรรมการดื่มชาแบบดั้งเดิมไว้ Shutdown123